Monday, April 28, 2025

ฮาร์วาร์ดยื่นฟ้องรัฐบาลทรัมป์ ปมระงับเงินวิจัยกว่า 2.2 พันล้านดอลลาร์ ชี้เป็นการแทรกแซงสิทธิสถาบัน

Share

มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดประกาศยื่นฟ้องรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อศาลรัฐบาลกลางในรัฐแมสซาชูเซตส์ กรณีถูกระงับเงินสนับสนุนวิจัยและเงินทุนรัฐบาลกลางมูลค่ารวมกว่า 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยระบุว่าการดำเนินการดังกล่าวถือเป็น “การใช้อำนาจเกินขอบเขต” และ “บ่อนทำลายเสรีภาพทางวิชาการ” ของมหาวิทยาลัยเอกชนที่เก่าแก่และร่ำรวยที่สุดในสหรัฐอเมริกา

ชนวนความขัดแย้ง

ความขัดแย้งเริ่มต้นเมื่อรัฐบาลทรัมป์ส่งหนังสือแจ้งไปยังฮาร์วาร์ดเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยอ้างว่ามหาวิทยาลัย “ล้มเหลวในการควบคุมการต่อต้านชาวยิวในวิทยาเขต” พร้อมแนบรายการข้อเรียกร้องจำนวนมากให้ปรับเปลี่ยนนโยบายภายใน เช่น การยกเลิกโครงการ DEI (Diversity, Equity and Inclusion), การห้ามสวมหน้ากากในการประท้วง, การเปลี่ยนเกณฑ์รับนักศึกษาให้เน้นตามผลการเรียน และการลดบทบาทของคณาจารย์ที่รัฐบาลมองว่า “มีแนวโน้มเชิงเคลื่อนไหวมากกว่าวิชาการ”

หลังจากฮาร์วาร์ดปฏิเสธจะปฏิบัติตามข้อเรียกร้องเหล่านั้น รัฐบาลได้สั่งระงับเงินสนับสนุนแบบต่อเนื่อง รวมถึงเงินทุนจากหน่วยงานวิจัย เช่น กระทรวงสาธารณสุขแห่งสหรัฐฯ (NIH) และ NASA และยังขู่จะเพิกถอนสถานะองค์กรไม่แสวงหากำไรของมหาวิทยาลัย พร้อมระงับสิทธิ์ในการรับนักศึกษาต่างชาติ

ฮาร์วาร์ดยืนยัน “สิทธิตามรัฐธรรมนูญ”

ดร.อลัน การ์เบอร์ อธิการบดีของฮาร์วาร์ด ระบุในแถลงการณ์ว่า การระงับเงินดังกล่าวไม่เพียงส่งผลต่อโครงการวิจัยที่ช่วยชีวิตประชาชน แต่ยังเป็นการใช้อำนาจเพื่อควบคุมอุดมการณ์ของสถาบันการศึกษาโดยตรง

“รัฐบาลไม่สามารถแสดงความเชื่อมโยงใด ๆ อย่างสมเหตุสมผลระหว่างความกังวลเรื่องการต่อต้านชาวยิวกับโครงการวิจัยด้านการแพทย์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีที่กำลังช่วยรักษาชีวิตคนอเมริกัน” ฮาร์วาร์ดระบุในคำฟ้อง

ผลกระทบเชิงระบบ

ข้อมูลจากปีงบประมาณ 2024 ระบุว่า ฮาร์วาร์ดได้รับทุนวิจัยจากรัฐบาลกลางกว่า 686 ล้านดอลลาร์ โดย 488 ล้านดอลลาร์มาจาก NIH หากทุนเหล่านี้ถูกตัดขาดอย่างสิ้นเชิง โครงการวิจัยสำคัญ เช่น การวิจัยมะเร็งในเด็ก การควบคุมโรคระบาด และเทคโนโลยีลดอาการบาดเจ็บของทหารในสนามรบ จะต้องยุติลงกลางคัน

“เหยื่อของการตัดงบเหล่านี้จะไม่ใช่แค่ฮาร์วาร์ด แต่คือผู้ป่วยในอนาคตที่อาจเสียชีวิตจากโรคที่สามารถป้องกันหรือรักษาได้ หากงานวิจัยไม่ได้ถูกขัดจังหวะ” การ์เบอร์กล่าว

นอกจากนี้ คำฟ้องยังระบุว่าการระงับเงินจะกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง เนื่องจากฮาร์วาร์ดเป็นหนึ่งในนายจ้างรายใหญ่ของรัฐแมสซาชูเซตส์ และยังมีความร่วมมือด้านงานวิจัยกับทั้งภาครัฐ เอกชน และมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ทั่วประเทศ

ต้านกระแสกดดันของรัฐบาล

มากกว่า 100 ผู้นำมหาวิทยาลัยและองค์กรวิชาการในสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ร่วมในสัปดาห์นี้ ประณามการแทรกแซงของรัฐบาลทรัมป์ว่าเป็น “ภัยคุกคามต่อเสรีภาพทางวิชาการในระดับประวัติการณ์” พร้อมแสดงความสนับสนุนต่อฮาร์วาร์ด

ขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยอื่น ๆ อย่างโคลัมเบีย, คอร์แนลล์, และนอร์ทเวสเทิร์น ก็ได้รับผลกระทบจากคำสั่งระงับเงินทุน โดยมีบางแห่งยอมปรับนโยบายเพื่อให้รัฐบาลยกเลิกการระงับเงินสนับสนุน

ศึกยืดเยื้อระหว่างอุดมการณ์กับอำนาจรัฐ

แม้ฮาร์วาร์ดจะมีเงินบริจาคสะสมในกองทุน (endowment) สูงถึง 53,000 ล้านดอลลาร์ แต่ 80% ของจำนวนนี้ถูกจำกัดการใช้งานตามเจตนารมณ์ของผู้บริจาค และถูกจัดสรรไว้เพื่อทุนการศึกษา โครงการเฉพาะ และวิจัยบางประเภทเท่านั้น การดึงเงินจำนวนมากมาใช้ชดเชยเงินรัฐบาล อาจกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินในระยะยาว

การฟ้องร้องครั้งนี้จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อรักษา “เสรีภาพของสถาบันการศึกษา” ท่ามกลางการใช้อำนาจรัฐเพื่อแทรกแซงทิศทางของวิชาการในประเทศ

ฮาร์วาร์ดยืนกรานว่า การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อปกป้องชื่อเสียงของตนเอง แต่เพื่ออนาคตของการศึกษาระดับอุดมศึกษาในสหรัฐฯ ทั้งระบบ — และอาจกำหนดทิศทางความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับสถาบันการศึกษาไปอีกนานหลายปี

Cinvestix Writer
Cinvestix Writerhttp://cinvestix.com
Business, Investment and Lifestyle

Read more

Articles You Might Like