Monday, April 28, 2025

สหรัฐฯ อาจกำลังนำโลกเข้าสู่วิกฤตการเงินครั้งใหม่ และครั้งนี้อาจหนักกว่าปี 2008

Share

เมื่อหนี้สาธารณะสหรัฐฯ พุ่งทะลุ 36 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ตลาดพันธบัตรเริ่มส่งสัญญาณผิดปกติ ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายเตือนว่านี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่รอบใหม่ ที่จะลามไปทั่วโลก

ในช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ตลาดการเงินทั่วโลกเริ่มสั่นคลอนหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศชะลอนโยบายภาษีที่เคยขู่ว่าจะใช้กับหลายประเทศ จุดนี้เองทำให้นักลงทุนเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจ เพราะนโยบายของสหรัฐฯ ในขณะนี้เปลี่ยนไปมาอย่างคาดเดาไม่ได้

หนี้สหรัฐฯ ไม่ใช่แค่เยอะ แต่ยังมีความเสี่ยงมาก

สิ่งที่ทำให้หลายฝ่ายวิตก คือหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ในตอนนี้สูงถึง 36 ล้านล้านดอลลาร์ และในปี 2025 เพียงปีเดียว จะมีหนี้ถึง 9 ล้านล้านดอลลาร์ที่ต้องนำกลับมารีไฟแนนซ์หรือกู้ใหม่ในอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น หากไม่สามารถควบคุมได้ สหรัฐฯ จะต้องกู้เงินใหม่เพื่อจ่ายดอกเบี้ยของหนี้เก่า วนลูปไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นระเบิดเวลา

รีเบคกา วอลเซอร์ นักวิเคราะห์การเงินชื่อดัง กล่าวว่า สถานการณ์ครั้งนี้ต่างจากวิกฤตซับไพรม์ปี 2008 เพราะคราวนั้นปัญหาอยู่ในภาคครัวเรือนและตลาดบ้าน แต่คราวนี้เป็นหนี้เชิงพาณิชย์ระดับสถาบัน ซึ่งมีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกันในระบบการเงินมากกว่า

ระบบการเงินโลกกำลังเชื่อมโยงกันเกินจะแยกจากกันได้

ระบบธนาคารของสหรัฐฯ ไม่ได้อยู่โดดเดี่ยว แต่เชื่อมโยงกับยุโรปและประเทศต่างๆ ทั่วโลก ถ้าระบบการเงินในสหรัฐฯ ล้ม เช่นตลาดพันธบัตรหรือธนาคารขนาดใหญ่เกิดปัญหาก็จะส่งผลให้ธนาคารในยุโรปล้มตามกันเหมือนโดมิโน

สิ่งที่น่าจับตา คือ หากเกิดวิกฤตใหญ่ในครั้งนี้ มันอาจกลายเป็นตัวกระตุ้นให้สหภาพยุโรปรวมตัวกันอย่างเข้มแข็งยิ่งขึ้น โดยมีเยอรมนีเป็นแกนกลาง และก้าวสู่การเป็น “อภิมหาอำนาจใหม่” บนเวทีโลก ซึ่งเรื่องนี้เคยถูกพูดถึงโดย เฮอร์เบิร์ต อาร์มสตรอง นักเผยแพร่คำทำนายจากพระคัมภีร์ ที่เคยกล่าวไว้ว่า “จะมีการรวมตัวของ 10 ผู้นำยุโรป ซึ่งจะเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์โลกอย่างฉับพลัน”

หากเงินดอลลาร์พัง โลกจะเปลี่ยน

ทุกวันนี้ แม้ดอลลาร์สหรัฐฯ ยังเป็นสกุลเงินหลักของโลก แต่ก็เริ่มมีหลายประเทศพยายามลดการพึ่งพาดอลลาร์ หากวิกฤตการเงินครั้งนี้ทำให้ความเชื่อมั่นในดอลลาร์สั่นคลอนจริง ผลกระทบจะไม่ใช่แค่เรื่องเงินเฟ้อ หรือค่าครองชีพที่สูงขึ้นเท่านั้น แต่อาจทำให้เกิดความไม่สงบในเมืองใหญ่ทั่วสหรัฐฯ และกระทบห่วงโซ่การเงินทั่วโลก

สหรัฐฯ ในวันนี้ไม่พร้อมช่วยโลกเหมือนในปี 2008

ปัญหาครั้งนี้แตกต่างจากเมื่อครั้งวิกฤตการเงินปี 2008 ที่สหรัฐฯ ยังสามารถอัดฉีดเงินเพื่อกู้สถานการณ์ได้ แต่ในปี 2025 นี้ สหรัฐฯ เองก็มีปัญหาการคลังอย่างรุนแรง ไม่สามารถใช้เงินภาษีของประชาชนมาช่วยเหลือสถาบันการเงินได้มากเท่าเดิม และแม้จะมีเครื่องมือบางอย่าง เช่น ธนาคารกลาง (Fed) หรือกลไกการแลกเปลี่ยนเงินกับต่างประเทศ แต่ก็มีข้อจำกัดทางการเมืองและงบประมาณที่มากกว่าเดิม

ท่ามกลางความไม่แน่นอนสูงสุดในนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินจาก Bloomberg สรุปว่า “แม้จะฟังดูเหลือเชื่อ แต่โลกต้องเตรียมพร้อมรับมือกับวิกฤตที่อาจเกิดจากการกระทำของสหรัฐฯ เอง”

หากประเมินจากทั้งข้อมูลทางเศรษฐกิจ คำเตือนจากนักวิเคราะห์ และความผันผวนของตลาดในขณะนี้ คำถามไม่ใช่ “จะเกิดวิกฤตหรือไม่” แต่คือ “เมื่อไหร่จะเกิด” และ “เราพร้อมรับมือแล้วหรือยัง”


 

ที่มา : Financial Crisis in 2025? Regulators Must Ready Global Economies – Bloomberg
How 2025’s debt crisis compares to the 2008 crash – TheStreet
A Financial Crisis Is Imminent | theTrumpet.com

Cinvestix Writer
Cinvestix Writerhttp://cinvestix.com
Business, Investment and Lifestyle

Read more

Articles You Might Like