สงครามการค้าระหว่างสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกกลับมาร้อนระอุอีกครั้ง หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 145% ส่งผลให้กระทรวงพาณิชย์ของจีนออกแถลงการณ์เรียกร้องให้สหรัฐฯ “ยกเลิกภาษีทั้งหมดโดยไม่มีเงื่อนไข”
เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ประกาศ “พักการเก็บภาษีสินค้าทั่วโลกชั่วคราว” เป็นเวลา 90 วัน แต่กลับยืนยันจะเดินหน้าขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอย่างเต็มรูปแบบ โดยให้เหตุผลว่า “เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ” และ “ส่งเสริมให้เกิดการผลิตในสหรัฐฯ”
ในแถลงการณ์ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ของจีนระบุว่า “เราขอเรียกร้องให้สหรัฐฯ แก้ไขความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และยุติการใช้มาตรการภาษีตอบโต้ที่ไม่เป็นธรรมโดยสิ้นเชิง เพื่อกลับสู่แนวทางของความร่วมมือบนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกัน”
แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะประกาศยกเว้นภาษีสินค้าบางประเภทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี เช่น สมาร์ตโฟน คอมพิวเตอร์ และชิปเซมิคอนดักเตอร์ แต่รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ นายฮาวเวิร์ด ลัทนิค ยืนยันว่า การยกเว้นดังกล่าวจะมีผล “เพียงชั่วคราว” เท่านั้น โดยจะมีการเก็บภาษีในหมวด “เซมิคอนดักเตอร์” เพิ่มเติมในอนาคต
ฝั่งจีนเองได้ตอบโต้ด้วยมาตรการภาษีเช่นกัน โดยเริ่มจากอัตรา 34% ก่อนจะขยับขึ้นเป็น 84% และล่าสุดเพิ่มเป็น 125% ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา พร้อมยืนยันผ่านแถลงการณ์ว่า “จีนจะสู้จนถึงที่สุด หากสหรัฐฯ ยังยืนยันจะเปิดฉากสงครามการค้าอย่างเต็มตัว”
ในขณะที่นักวิเคราะห์หลายฝ่ายกำลังจับตามองว่า สองผู้นำอย่างทรัมป์และสี จิ้นผิง จะมีโอกาสเปิดโต๊ะเจรจาหรือไม่ ล่าสุดผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ นายเจมิสัน เกรียร์ ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ Face the Nation ทางสถานี CBS ว่า “ยังไม่มีแผนการพบปะหรือพูดคุยใด ๆ ในเวลานี้”
การเดินเกมภาษีของทั้งสองประเทศได้ก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนในตลาดหุ้นทั่วโลก พร้อมกับความกังวลว่า หากยังไม่มีท่าทีผ่อนคลาย ความขัดแย้งทางการค้าอาจขยายวงสู่ภาคเศรษฐกิจอื่น และกลายเป็นปัจจัยเร่งภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจทั่วโลก
ที่มา: Trump tariffs: China urges US to ‘completely cancel’ import taxes
รูปภาพ : Photo by Chris Nagahama on Unsplash