สองแบรนด์แฟชั่นยักษ์ใหญ่จากจีนอย่าง Temu และ Shein ออกประกาศเตือนลูกค้าในสหรัฐอเมริกาว่าจะมีการปรับขึ้นราคาสินค้าเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน 2025 เป็นต้นไป สาเหตุหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เตรียมบังคับใช้ภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในอัตราสูงสุดถึง 145% พร้อมกับการยกเลิกข้อยกเว้นภาษี “de minimis” ซึ่งเคยเป็นหัวใจสำคัญของโมเดลธุรกิจราคาถูกสำหรับบริษัทอีคอมเมิร์ซจากจีน
นโยบายภาษีใหม่นี้จะมีผลในวันที่ 2 พฤษภาคม 2025 และครอบคลุมสินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า $800 ซึ่งเดิมสามารถนำเข้ามาในสหรัฐฯ ได้โดยไม่ต้องเสียภาษีใด ๆ ภายใต้กฎ “de minimis” การยกเลิกสิทธิพิเศษนี้หมายความว่า Temu และ Shein จะต้องเสียภาษีทุกคำสั่งซื้อที่ส่งเข้าอเมริกา แม้จะเป็นสินค้าราคาเพียงไม่กี่ดอลลาร์ก็ตาม
Shein ระบุในข้อความแจ้งลูกค้าว่า “จากการเปลี่ยนแปลงของกฎการค้าโลกและอัตราภาษีนำเข้า ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของเราเพิ่มขึ้น เพื่อให้เรายังคงสามารถจำหน่ายสินค้าที่คุณชื่นชอบโดยไม่ลดคุณภาพ เราจะมีการปรับราคาสินค้าตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน 2025 เป็นต้นไป” พร้อมระบุว่า บริษัทพยายามทุกวิถีทางในการควบคุมต้นทุน เพื่อให้ราคาสินค้ายังอยู่ในระดับที่เข้าถึงได้
เดิมที ทรัมป์มีแผนจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าที่เคยได้รับการยกเว้นในอัตรา 30% หรือ $25 ต่อรายการ และจะเพิ่มเป็น $50 ในวันที่ 1 มิถุนายน แต่หลังจากจีนตอบโต้ด้วยการตั้งกำแพงภาษีตอบกลับเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ก็ประกาศเพิ่มอัตราภาษีเป็น 90% หรือ $75 ต่อรายการ และจะพุ่งขึ้นเป็น $150 ต่อชิ้นภายในวันที่ 1 มิถุนายน 2025
แม้ราคาจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดหลายรายยังเชื่อว่า Temu และ Shein อาจยังคงสามารถแข่งขันกับแบรนด์คู่แข่งในสหรัฐฯ ได้ เพราะสินค้าหลายรายการของทั้งสองแบรนด์ยังมีราคาถูกกว่าสินค้าที่ผลิตในอเมริกา หรือสินค้าที่ขายโดยแบรนด์แฟชั่นอื่น ๆ อยู่ดี
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของภาษีนำเข้าไม่ได้สะท้อนแค่ต้นทุนสินค้าเท่านั้น แต่ยังขยายไปถึงงบประมาณด้านการตลาดด้วย โดยข้อมูลจากบริษัทวิจัย Sensor Tower ระบุว่า Temu ลดการใช้จ่ายโฆษณาเฉลี่ยต่อวันในแพลตฟอร์มของสหรัฐฯ (รวมถึง Facebook, Instagram, TikTok, Snap, X และ YouTube) ลงถึง 31% ในช่วงวันที่ 31 มีนาคม ถึง 13 เมษายน 2025 เทียบกับช่วง 30 วันก่อนหน้า
ในขณะที่ Shein ก็ลดงบโฆษณาเฉลี่ยรายวันลงประมาณ 19% บน Facebook, Instagram, TikTok, Pinterest และ YouTube ในช่วงเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ ยังมีรายงานจาก Tinuiti ว่า Temu หยุดโฆษณาบน Google Shopping ไปตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน ซึ่งอาจสะท้อนถึงความพยายามในการลดรายจ่ายเพื่อรับมือกับภาษีใหม่
แม้ว่า Google, Meta, Shein และ Temu จะยังไม่ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับทิศทางในระยะยาว แต่นักวิเคราะห์จำนวนมากมองว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อาจส่งผลต่อโมเดลธุรกิจอีคอมเมิร์ซราคาถูกในสหรัฐฯ ทั้งระบบ และอาจบีบบังคับให้บริษัทเหล่านี้ต้องหันไปลงทุนสร้างคลังสินค้า หรือโรงงานในประเทศที่สาม เพื่อหลีกเลี่ยงต้นทุนภาษีในอนาคต
ในระยะสั้น ผู้บริโภคชาวอเมริกันที่คุ้นชินกับสินค้าราคาประหยัดจาก Temu และ Shein อาจต้องเตรียมรับมือกับราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่ตลาดแฟชั่นออนไลน์เองก็ต้องจับตาดูว่า บริษัทจากจีนเหล่านี้จะปรับตัวอย่างไรในโลกที่การค้าเสรีไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ติดตามเราได้ที่
