ปรากฏการณ์ “Coolcation” หรือการท่องเที่ยวหน้าร้อนในพื้นที่อากาศเย็น กำลังกลายเป็นเทรนด์ที่มาแรงที่สุดในฤดูร้อนปี 2025 โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวเบบี้บูมเมอร์ และนักเดินทางหน้าใหม่ ซึ่งต่างพากันหลีกเลี่ยงจุดหมายปลายทางยอดฮิตอย่างอิตาลี กรีซ และสเปน ที่เผชิญคลื่นความร้อนและนักท่องเที่ยวล้นเมืองเป็นประจำทุกปี
ข้อมูลจาก Intrepid Travel ระบุว่า การจองทริปของนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษไปยังประเทศแถบยุโรปเหนือ เช่น ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ เอสโตเนีย และฟินแลนด์ ในช่วงเดือนกรกฎาคม–สิงหาคมปีนี้ เพิ่มขึ้นกว่า 50% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่การจองทริปไปยุโรปใต้ในช่วงเดียวกันลดลง 15%
James Thornton ซีอีโอของ Intrepid Travel ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า ความร้อนที่รุนแรง ความแออัด และราคาที่พุ่งสูงหลังโควิด ทำให้จุดหมายปลายทางอย่างอิตาลีและกรีซสูญเสียความน่าสนใจในช่วงพีกของฤดูร้อน โดยผู้คนเริ่มหันไปเที่ยวในช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูใบไม้ร่วงแทน
“จากที่เคยเป็นเป้าหมายหลักของซัมเมอร์ ตอนนี้ยุโรปใต้เริ่มเสียตำแหน่งให้กับยุโรปเหนืออย่างเห็นได้ชัด” — James Thornton, Intrepid Travel
จากข้อมูลของบริษัทพบว่า การจองทริปไปอิตาลีช่วงเดือนเมษายน–มิถุนายน และกันยายน–ตุลาคม เพิ่มขึ้น 16% ขณะที่กรีซเพิ่มขึ้น 37% ในช่วงเวลาเดียวกัน แสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมนักท่องเที่ยวกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ
กลุ่มนักท่องเที่ยวหลักที่ขับเคลื่อน Coolcation
ปรากฏการณ์นี้มีแรงผลักดันหลักจากสองกลุ่มใหญ่ ได้แก่:
-
เบบี้บูมเมอร์ (อายุ 50–60 ปีขึ้นไป) ซึ่งมักปลดภาระทางการเงิน เช่น การผ่อนบ้าน มีเวลาว่างมากขึ้น และสามารถใช้จ่ายกับการท่องเที่ยวได้มากขึ้น
-
นักเดินทางหน้าใหม่ (อายุ 18–35 ปี) ที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์มากกว่าวัตถุ และไม่ได้ยึดติดกับการท่องเที่ยวตามฤดูกาลแบบดั้งเดิม
Jenny Southan ซีอีโอของ Globetrender สื่อวิเคราะห์เทรนด์การท่องเที่ยวระดับโลก กล่าวว่า นักท่องเที่ยวจำนวนมากกำลังตัดสินใจอย่างมีสติที่จะหลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อนรุนแรง ซึ่งเชื่อมโยงกับไฟป่าที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในยุโรปใต้ช่วงฤดูร้อน
“เทรนด์นี้สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในพฤติกรรมผู้บริโภค จากแสวงหาแสงแดด สู่การแสวงหาความสงบและเย็นสบาย” — Jenny Southan, Globetrender
ผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจยุโรปเหนือ
หลายประเทศในยุโรปเหนือ เช่น สวีเดน เอสโตเนีย และนอร์เวย์ กำลังได้รับอานิสงส์ทางเศรษฐกิจจากการเติบโตของ Coolcation แม้หลายหน่วยงานจะระบุว่ายังไม่มีตัวเลขชัดเจนเกี่ยวกับขนาดของเทรนด์นี้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่ากำลังส่งผลเชิงบวกต่อภาคการท่องเที่ยวในระยะยาว
Anneli Lepp ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งเอสโตเนีย กล่าวว่า ประเทศของเธอเริ่มดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ต้องการหลีกหนีเมืองแออัด และหันมาหาธรรมชาติที่สงบ เย็น และเหมาะกับกิจกรรมกลางแจ้ง
“เรามองว่านี่เป็นเทรนด์ระยะยาว ไม่ใช่แค่แฟชั่นช่วงสั้น ๆ” — Anneli Lepp, Estonia Tourist Board
อนาคตของซัมเมอร์ในยุโรป
Globetrender คาดว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เทรนด์นี้จะยิ่งขยายตัว โดยเฉพาะเมื่อโลกต้องเผชิญกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างต่อเนื่อง ประเทศและเมืองท่องเที่ยวที่เคยเน้นรายได้ช่วงฤดูร้อน อาจต้องปรับตัวไปสู่การบริหารฤดูกาลแบบยั่งยืนมากขึ้น
“นี่อาจเป็นโอกาสให้ระบบเศรษฐกิจท่องเที่ยวรีเซ็ตตัวเอง กระจายรายได้ตลอดปี และลดภาระต่อโครงสร้างพื้นฐานที่เคยแบกรับในช่วงฤดูท่องเที่ยวพีกอย่างหนัก” — Jenny Southan
เทรนด์การท่องเที่ยวหลบร้อนในหน้าร้อนส่งผลให้นักท่องเที่ยวเริ่มหลีกเลี่ยงประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่อากาศร้อนจัด เช่น ไทย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะในช่วงเมษายน–พฤษภาคม ขณะเดียวกัน ประเทศอย่างญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเอสโตเนียของเอเชียเหนือ ที่มีอากาศเย็นสบายและธรรมชาติเงียบสงบ กลับได้รับความนิยมมากขึ้น
นอกจากนี้ เทรนด์นี้ยังทำให้หลายประเทศในเอเชียต้องปรับกลยุทธ์ เช่น โปรโมตฤดูใบไม้ร่วงมากขึ้น แทนการพึ่งรายได้หลักจากฤดูร้อนเพียงอย่างเดียว พร้อมชูจุดขายใหม่ด้านอุณหภูมิที่เหมาะกับกิจกรรมกลางแจ้งและการพักผ่อนที่ยั่งยืน
เมื่ออากาศร้อนกลายเป็นภัย และความแออัดไม่ใช่สิ่งที่นักท่องเที่ยวทนได้เหมือนเดิม “Coolcation” จึงไม่ใช่แค่การหลบร้อน แต่สะท้อนการเปลี่ยนแปลงเชิงวัฒนธรรมของการเดินทางที่ลึกกว่าที่คิด
แหล่งที่มา : Coolcations: Travelers shun summer hotspots in favor of cooler climes